ในโลกที่มีชีวิตชีวานี้ ซึ่งเมืองเป็นที่ที่มีศรีมหาศาล อาคารสูงส่งขึ้นมาจากพื้นดิน ถนนที่แออัดแอลงตามไปด้วยเสียงและสีสันที่หลากหลาย ขอให้พวกเรามาร่วมตัวเดินทางเพื่อที่จะเข้าไปสำรวจเมืองนี้ และดูว่ามีอะไรน่าสนใจที่กำลังเกิดขึ้นในนั้น!
ป่า** (ป่า)
เมื่อเดือนหนึ่งที่แล้ว ในป่าที่มีเขื่อนเขียวมีนกเล็กหนึ่งที่มีขนขาว ในเช้าวันที่มีแดดออกมากายนกดังกล่าวตัดสินใจที่จะไปสนุกกับอุทยานนี้ มันเลินละลองผ่านกิ่งไม้ ฟังเสียงกรีดของนกที่มีความยิ้มยิ่งและเสียงหอบหวานของกิ่งไม้
เมื่อวันเตลิงเข้ามา นกขาวได้เดินทางไปถึงแม่น้ำที่มีขนาดงามเหมือนพลาสซิโด มันเห็นปลาที่ลอยลอยในน้ำที่แสดงความชัดเจน และตัดสินใจที่จะขว้างตัวเข้าน้ำเพื่อที่จะทำแปลงในน้ำที่เย็นชาบาดและสบายๆ
ด้วยเรื่องนี้ นกขาวก็เดินทางต่อไป ไปถึงฐานของภูเขาที่สูงมาก มันมองขึ้นไปที่ยอดของภูเขาที่สูงส่ง และรู้สึกว่ามีความทะลึกทะลาย นกขึ้นบนภูเขาเรื่อยมาจนถึงยอด จากนั้นมันได้รับมองไปที่ทั้งป่าที่อยู่ใต้ยอดภูเขาด้วยทัศน์ที่น่าประทับใจ
ต่อมา นกขาวเหล่านี้ตกลงบนชายหาดที่มีทรายทอง ทางด้านของตะกอนดาวสว่างของดวงอาทิตย์ที่กำลังตกลงมา นกดูสัญญาณที่คลื่นที่ลูกล้ำขึ้นบนชายหาดและนกแก้วที่บินรอบๆ ทะเล
ในที่สุด นกขาวก็มาตั้งตัวตามที่นั่นในเมืองที่มีประชาชนหนักหน่วงมาก มันเห็นอาคารสูงส่ง ถนนที่มีประชาชนหนักหน่วงและประชาชนจากทุกมุมโลก นกไปเยี่ยมพิกัดป่าที่มีเด็กเล่นและร้องเสียง มันรู้สึกอาศัยในสิ่งที่น่ารักและยินดีที่จะอยู่นานอีกไม่น้อย
ในเช้าวันต่อมา นกขาวก็ตื่นขึ้นในบ้านที่สบายๆ มันดูแสงอาทิตย์ขึ้นมาและครอบครัวเตรียมตัวสำหรับวันนั้น นกได้เรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องมือที่มีในบ้านและวิธีที่เครื่องมือดังกล่าวทำงาน
ตลอดระหว่างการเดินทางของนกขาว มันได้ปะทะกับสัตว์ต่างๆ มันได้ยินเสียงสายลมของแรด หมาป่า สุนัข และม้า นกได้เรียนรู้ชื่อของสัตว์เหล่านี้ด้วยภาษาอังกฤษและรู้สึกดีกับเสียงของธรรมชาติ
เมื่อวันเวียนไปมา นกขาวก็เดินทางต่อไปไปที่ที่ต่างๆ และเรียนรู้มากมาย มันกลายเป็นนกที่ฉลาดและมีความสนใจ ยินดีที่จะไปสำรวจและเรียนรู้
ในที่สุด นกขาวกลับมาถึงบ้านของมันในป่า ทางกลับมามีเรื่องราวและประสบการณ์ มันแบ่งปันเรื่องราวของตนกับนกอื่นๆ และเป็นแรงบัลดาลใจให้นกอื่นๆก็ไปสำรวจและค้นหาความงามของโลก
และดังนั้น นกขาวเล็กที่มีขนขาวกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสนใจและอุทยาน ให้คนอื่นๆรู้สึกที่จะรับรองความงามของธรรมชาติและความสุขของการเรียนรู้
แม่น้ำ
อาทิตย์เย็นอันริมแรง หนูขาวตัวอินทรีเดินเดินอย่างอยากในป่าเขา มันได้ยินเสียงน้ำตากตลอดทางหลวงแม่น้ำที่เหมือนได้ฟังได้เสียงหลอดน้ำตลอดทางหลวงแม่น้ำที่มีแสงแดดและแสงวางแผงระเบิด หนูขาวตัวอินทรีจึงตามเสียงนั้นมาถึงบริเวณแม่น้ำที่แสงและน้ำชัดเจนเห็นได้ชัดหนูขาวตัวอินทรีเดินเดินตามแม่น้ำ มันเห็นหนูหนูปลายน้ำกำลังลอยล่องในน้ำ หนูหนูปลายน้ำเห็นหนูขาวตัวอินทรีแล้วจึงลอยมาเยี่ยม และพูดว่า “สวัสดีหนูอินทรี! คุณมาจากที่ไหนมาที่นี้? ”หนูขาวตัวอินทรีตอบว่า “สวัสดีหนูปลายน้ำ! ฉันมาจากป่าเขา. ฉันอยากทราบเรื่องเรื่องของแม่น้ำ คุณจะบอกให้ฉันได้ไหม?”หนูปลายน้ำยิ้มและพูดว่า “ทุกครั้งนั้น แม่น้ำเป็นเส้นช่องชีวิตที่ชดใจและช่วยเหลือทุกสิ่งที่อยู่บริเวณทั้งสองฝั่ง. แม่น้ำมีต้นน้ำจากภูเขาสูง น้ำไหลผ่านป่าและหมู่บ้าน จนกระทั่งไหลไปสู่ทะเล”หนูขาวตัวอินทรีคิดว่า “นั่นก็เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากเลย!”หนูปลายน้ำต่อว่า “ในแม่น้ำมีสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจมากมายด้วย อย่างเช่นฉัน ยังมีหนูหนูเหล่าน้ำและปลาหลายชนิด คุณอยากเห็นนั่นไหม?”หนูขาวตัวอินทรีตอบว่า “ใช่แล้ว! ฉันอยากมากเลย!”หนูปลายน้ำนำหนูขาวตัวอินทรีมาถึงพื้นที่หญ้าตามแม่น้ำ พวกเขาเห็นหนูหนูปลายน้ำที่กำลังจับเจ้าหญิงในหญ้า หนูหนูปลายน้ำเห็นพวกเขาแล้วจึงกระโดดไปยังหินด้านหนึ่งและพูดว่า “สวัสดีเพื่อนๆ! ฉันคือหนูหนูปลายน้ำ ฉันอยู่ที่นี่เพื่อรักษาสมดุลธรรมชาติของแม่น้ำ”หนูขาวตัวอินทรีสงสัยว่า “หนูหนูปลายน้ำ ทำไมคุณต้องรักษาสมดุลธรรมชาติของแม่น้ำ?”หนูหนูปลายน้ำตอบว่า “เพราะแม่น้ำเป็นบ้านของทุกสิ่งมีชีวิต หากแม่น้ำถูกทำลาย บ้านของเราจะต้องเสียไปด้วย ดังนั้นเราต้องร่วมมือกันเพื่อปกป้องบ้านของเรา”หนูขาวตัวอินทรีและหนูปลายน้ำฟูหลงหลังจากที่ได้ฟังคำพูดของหนูหนูปลายน้ำ พวกเขาตัดสินใจที่จะร่วมมือกันเพื่อปกป้องแม่น้ำที่นี้ และทำให้แม่น้ำที่มีสวยงามนี้ไหลตลอดไปเสมอ
ภูเขา
วันที่ฝนตกแดงสวยงามหนึ่ง,เหลนเหมียว พร้อมกับครอบครัวของเขา ตัดสินใจที่จะขึ้นปีนเขาเล็กๆ ที่อยู่ในบริเวณใกล้ๆ พวกเขารู้สึกกะชิมกะอมที่มีการแต่งกายด้วยรองเท้าเดินปีนเขาและตะกร้าที่เติมตัวเต็มไปด้วยของขวัญเพื่อเริ่มการเดินทางนี้。
พวกเขาออกสตรีตจากฐานเขา และเดินตามเส้นทางเลื่อยๆ ที่นำพาขึ้นภูเขา ตลอดทางเหลนเหมียวเห็นพืชพรรณที่หลากหลาย บางต้นเป็นต้นไม้ประดับสูง บางต้นเป็นดอกไม้สีสันประกอบที่มีสีแดง สีเหลือง สีสนิทและสีม่วง และทุกสีที่มีตกต่อกันด้วยความงาม
เมื่อพวกเขาเดินต่อไป เหลนเหมียวพบว่าอากาศบนภูเขาเริ่มมีกลิ่นหอมขึ้นมาและท้องฟ้าก็มีสีสันที่เลิศใหญ่ขึ้น พวกเขาได้เผชิญกับแม่น้ำเล็กๆ ที่น้ำสะอาดเห็นได้ชัดเจน หลังจากนั้นเหลนเหมียวก็หยิบมือออกมาโมมน้ำ
“พ่อ น้ำนี้เย็นมากมาย!” เหลนเหมียวเสียดาย
“ใช่นะเรียน น้ำบนภูเขามีกลิ่นหอมและเย็นอย่างที่จะช่วยแก้แห้ง” พ่อยิ้มและตอบ
ขณะที่พวกเขาไปถึงจุดสูงสุดของภูเขา เหลนเหมียวรู้สึกกะทันหัน พวกเขายืนอยู่บนยอดภูเขาและสามารถมองเห็นทั้งหมดของหุบเขาด้วยตาของตนเอง หลังจากนั้นเหลนเหมียวก็ตะโกนไปว่า
“วาย พ่อ พวกเราได้ขึ้นภูเขาแล้ว! ดูว่าทั้งหมดนี้เป็นที่สวยมากมาย!”
พ่อเอาหามือเข้ากลับหลังเหลนเหมียวและบอก “ใช่นะเรียน เราได้ขึ้นภูเขาแล้ว. ดูว่าทั้งหมดนี้เป็นที่งามมากมาย”
ขณะที่พวกเขากลับมา หลังจากเดินทางหลายชั่วโมงเหลนเหมียวรู้สึกเหนื่อยแต่ยังคงมีความสนใจอยู่ และเขาถาม “พ่อ ทำไมว่าพืชพรรณบนภูเขานั้นมากมายเช่นนี้?”
พ่ออธิบายอย่างเป็นทางการ “เพราะสภาพอากาศบนภูเขาเหล่านั้นเหมาะสม และมีน้ำจำนวนมาก ดังนั้นพืชพรรณจึงจะเติบโตได้ดี ที่นี่มีมีสัตว์ป่าหลากหลายเช่น สัตว์เลื้อยคลาน หมูป่า และแม้แต่มีโอกาสเจอสัตว์เลี้ยงลูกด้วย”
เหลนเหมียวฟังอย่างน่าสนใจ และเขาตัดสินใจว่าต้องมาปีนเขากับพ่ออีกครั้งเพื่อสำรวจลวิติมาที่มีอยู่ในธรรมชาติ
ชายหาด
แสงแดดรายลมอย่างเต็มไปด้วยแสงและทรายบนชายหาดอยู่อ่อนแอเหมือนขนมฝิ่น คลื่นทะเลแฝงเบื้องชายด้วยเสียงที่เรียบร้อยและน่าติดหู。เด็กๆกำลังก่อเมืองทรายในทะเลสาบ ในขณะที่บางคนกำลังเล่นในน้ำสวนน้ำทะเล ชายหาดได้มีชีวิตและความมีบุคคล
มิง ได้เห็นสัตว์เล็กๆที่เล่นอยู่บนชายหาด มีหนูทะเลเล็กๆหนึ่งที่กำลังหลบหลีกบนทราย หลังของมันเป็นสีแดง ดูมีน่ารักมาก เรียนรายทะเลอีกกลุ่มบินลอยลงในอากาศ เสียงของมันเป็นเสียงที่เจี่ยวเจ็บและน่าฟัง
มิงและครอบครัวของเขาสนุกสนานกับช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ที่ชายหาด พวกเขากำลังเก็บเปลือกหายนม วิ่งตามคลื่นทะเล และเลAVEทิตในทราย ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังลดลงทางฝั่งทะเล สวนท้องฟ้าปรากฏสีสวยงามของช่วงสายตา
มิงและครอบครัวของเขาจับตามองชายหาดสุดท้ายก่อนจะจัดตัวหลังออกจากชายหาด พวกเขารู้สึกมีความยินดีมาก เพราะการเดินทางที่ชายหาดนี้ทำให้พวกเขามีช่วงเวลาที่ทรงจำได้
สิ้นสุด
City** (เมือง**)
เมืองมีอาคารสูงยอดที่ขึ้นมาจากพื้นดิน ดูเหมือนกำลังรักษาโลกที่ร่ำรวยนี้. บนถนน รถยนต์หลากหลายเดินทาง และประชาชนเดินเร่งด่วน ทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดภาพที่มีชีวิตอยู่
เด็กๆ คุณรู้ไหมว่าในเมืองมีที่สนุกสนานอีกมากที่รอเรียกเรามาตัวเองไปตรวจสอบนั่น!
สวนสาธารณะ: ในกลางเมืองมีสวนสาธารณะที่มีธงสีเขียวที่มีมากมาย. ที่นี่เด็กๆ สามารถวิ่งวายเล่นได้ และยังมีดอกไม้งามและต้นไม้ที่จัดการอย่างเรียบร้อย ที่เป็นที่ดีสำหรับการถ่ายภาพด้วย!
พิพิธภัณฑ์: พิพิธภัณฑ์มีบริการที่มีทรัพย์สินมากมาย ที่มีร่องรอยประวัติศาสตร์และงานศิลปะ. ที่นี่เราสามารถเรียนรู้ความรู้ที่มากมายและขยายทัศนะของเรา
ห้องสมุด: ห้องสมุดเป็นที่ที่มีความรู้และฝึกฝน. ที่นี่มีหนังสือที่รอเรียกเรามาอ่าน และเราสามารถหาหนังสือที่เราชอบ หรือยืมหนังสือประเภทอื่นๆ
ห้างและห้างสรรพสินค้า: ห้างและห้างสรรพสินค้ามีร้านค้าที่มีทุกอย่างที่เราต้องการ. จากเครื่องเล่น จนถึงเสื้อผ้า จากอาหาร จนถึงวัตถุใช้ประจำวัน ทุกอย่างที่มี
โรงภาพยนตร์: ในคืนที่เราสามารถไปโรงภาพยนตร์เพื่อดูภาพยนตร์และปลดปล่อยความรู้สึก. ในห้องภาพยนตร์ของโรงภาพยนตร์ ภาพที่หน้าจอจะนำเราเข้าสู่โลกใหม่
ร้านอาหาร: ในเมืองมีอาหารที่รอเรียกเรามาทายาม. ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย อาหารตะวันตก หรืออาหารของประเทศอื่น ๆ สามารถหาได้ที่นี่
โรงพยาบาล: โรงพยาบาลเป็นที่ที่ช่วยให้ประชาชนกลับมาเป็นดี. ถ้ามีคนป่วย เราสามารถไปโรงพยาบาลหาแพทย์ช่วยเหลือ
โรงเรียน: โรงเรียนเป็นที่ที่เราเรียนรู้ความรู้และเพิ่มความรู้. ทุกวัน เราต้องมาโรงเรียนเรียนเรื่องที่ได้รับมอบ ฟังอย่างระมัดระวังและเรียนเรื่อง
ขบวนการขนส่ง: ในเมืองมีขบวนการขนส่งที่มีมากมาย อย่างเช่นรถยนต์ รถไฟ และรถไฟฟ้า. เราสามารถขยับตัวไปที่ที่เราต้องการได้
เมืองเป็นที่ที่มีชีวิตและกิจกรรมที่เราต้องการ. แต่เมืองมีปัญหาบางอย่างเช่นมลพิษ และการจราจรบกวน. ดังนั้น เราก็ต้องปลอดภัยเมืองของเราและปกป้องสิ่งแวดล้อม
เด็กๆ คุณพร้อมแล้วไหม? ขอให้เราไปเข้าสู่เมือง และตัวเองไปตรวจสอบโลกนี้ที่มีความซับซ้อน!